ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด ไข้ต่ำ อาจเสี่ยงวัณโรค
1 min read

ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด ไข้ต่ำ อาจเสี่ยงวัณโรค

วัณโรค (Tuberculosis: TB) เป็นโรคติดเชื้อเรื้อรังที่เกิดจากเชื้อ Mycobacterium tuberculosis ซึ่งสามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจามของผู้ติดเชื้อ หากคุณมีอาการ ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด ไข้ต่ำ น้ำหนักลด เหนื่อยง่าย เป็นเวลานานโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นสัญญาณเตือนของวัณโรคได้

สัญญาณอันตรายของวัณโรคที่ไม่ควรมองข้าม
วัณโรคสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกอวัยวะ แต่พบมากที่สุดที่ปอด ซึ่งเป็นวัณโรคปอด (Pulmonary TB) อาการที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่

✅ ไอเรื้อรังนานกว่า 2 สัปดาห์ – อาจเป็นไอแห้ง ๆ หรือไอแบบมีเสมหะ
✅ ไอเป็นเลือด – เกิดจากเชื้อวัณโรคทำลายเนื้อเยื่อปอดจนมีเลือดออก
✅ ไข้ต่ำช่วงบ่ายหรือเย็น – เป็นไข้ที่ไม่สูงมากแต่เป็นบ่อย ๆ
✅ เหงื่อออกตอนกลางคืน – ร่างกายขับเหงื่อมากผิดปกติ
✅ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ – เบื่ออาหาร ร่างกายซูบผอมลงอย่างรวดเร็ว
✅ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย – แม้ทำกิจกรรมที่ไม่ได้ใช้พลังงานมาก

หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว

วัณโรคแพร่กระจายอย่างไร?
วัณโรคแพร่กระจายผ่านอากาศ โดยเชื้อสามารถปะปนอยู่ในละอองฝอยของน้ำลายเมื่อผู้ป่วยไอ จาม หรือพูดคุย และสามารถเข้าสู่ร่างกายของผู้อื่นทางการสูดหายใจ เชื้อวัณโรคสามารถอยู่ในร่างกายได้นานโดยไม่แสดงอาการ (ภาวะวัณโรคแฝง) แต่หากภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง อาจพัฒนาเป็นวัณโรคที่มีอาการรุนแรง

ใครเสี่ยงต่อการเป็นวัณโรค?

กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่

  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคเอดส์ หรือโรคไตเรื้อรัง
  • ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรค
  • ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มสุราเป็นประจำ
  • ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น ยารักษามะเร็ง หรือยาสเตียรอยด์
  • ผู้ที่อาศัยในพื้นที่แออัด เช่น เรือนจำ หรือหอพักที่มีการระบายอากาศไม่ดี

การตรวจวินิจฉัยวัณโรค

หากแพทย์สงสัยว่าคุณอาจเป็นวัณโรค จะมีการตรวจวินิจฉัย เช่น
🔬 เอกซเรย์ปอด (Chest X-ray) – เพื่อตรวจหาความผิดปกติของปอด
🦠 ตรวจเสมหะ (Sputum Test) – ตรวจหาเชื้อวัณโรคในเสมหะ
💉 การทดสอบทางผิวหนัง (Tuberculin Skin Test – TST) – ฉีดสารทดสอบเข้าใต้ผิวหนังและสังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย
🧪 การตรวจเลือด (Interferon-Gamma Release Assays – IGRA) – ใช้วินิจฉัยวัณโรคแฝง

การรักษาวัณโรคให้หายขาด

วัณโรครักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะต้านวัณโรค ซึ่งต้องรับประทานต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ตามคำแนะนำของแพทย์ ยาที่ใช้บ่อย ได้แก่

  • Isoniazid (INH)
  • Rifampicin (RIF)
  • Pyrazinamide (PZA)
  • Ethambutol (EMB)

หากหยุดยาเองหรือไม่รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้เชื้อดื้อยา และต้องใช้เวลารักษานานขึ้น

วัณโรคเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ระยะแรก หากคุณมีอาการไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด หรือไข้ต่ำติดต่อกันเป็นเวลานาน อย่ามองข้าม ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย เพราะอาจเป็นสัญญาณของวัณโรค การป้องกันและรักษาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อ และช่วยให้คุณกลับมามีสุขภาพแข็งแรงได้อีกครั้ง